ข้อมูลท่องเที่ยว

• เมืองหลวงของตุรกีคือ เมืองอังการา (Ankara) อังการาเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากอิสตันบูล ตั้งอยู่ในจังหวัดอังการาอยู่ที่ระดับความสูงเฉลี่ย 938 เมตร มีประชากรประมาณ 3.9 ล้านคน
• เมืองที่ใหญ่ที่สุดของตุรกีคือ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศตุรกี ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย)


• ตุรกี หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐตุรกี (Republic of Turkey) เป็นประเทศที่มีดินแดนทั้งในบริเวณเธรซ บนคาบสมุทรบอลข่านในยุโรปตอนใต้ และคาบสมุทรอานาโตเลียในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ตุรกีมีพรมแดนทางด้านทิศตะวันออกติดกับประเทศจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน และอิหร่าน มีพรมแดนทางด้านทิศใต้ติดกับอิรัก ซีเรีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับกรีซ บัลแกเรีย และทะเลอีเจียน ทางเหนือติดกับทะเลดำ ส่วนที่แยกอานาโตเลียและแทรสออกจากกันคือทะเลมาร์มารา และช่องแคบตุรกี (ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลส) ซึ่งมักถือเป็นพรมแดนระหว่างทวีปเอเชียกับยุโรป จึงทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่มีดินแดนอยู่ในหลายทวีป


• ตุรกี เป็นดินแดนที่กวีเอกโฮเมอร์ (Homer) รจนามหากาพย์อีเลียด (Ilias) ตามแรงบันดาลใจเมื่อได้เห็นฝั่งทะเลอีเจียน ดินแดนที่มาร์ก แอนโทนีและคลีโอพัตราเลือกมาฉลองความหวานชื่ผนแห่งน้ำผึ้งพระจันทร์ ดินแดนแห่งสิ่งมหัสจรรย์ของโลกยุคโบราณ เช่น สุสานแห่งเมืองฮาลิคาร์นัสซุส (Maausoleum in Halicarnassus) และวิหารเทพีอาร์ทีมิสในเอฟซุส สัมพัสทะเลงดงามที่เทพีวีนัสเคยสรงสนาน และเพลิดเพลินไปในดินแดนที่เทพีสุริยะให้สมญานามว่า อนาโตเลีย (Anatolia)


• ตุรกีเป็นประเทศสองทวีปที่มีดินแดนอยู่ทั้งในทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ตุรกีในฝั่งเอเชียซึ่งครอบคลุมบริเวณส่วนใหญ่ของคาบสมุทรอานาโตเลีย นับเป็นพื้นที่ร้อยละ 97 ของประเทศ และถูกแยกจากตุรกีฝั่งยุโรปด้วยช่องแคบบอสพอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดาเนลเลส (ซึ่งรวมกันเป็นพื้นน้ำที่เชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน) ตุรกีในฝั่งยุโรปซึ่งตั้งอยู่บนคาบสมุทรบอลข่านมีพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 3 ของทั้งประเทศ ดินแดนของตุรกีมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีความยาวมากกว่า 1,600 กิโลเมตร และกว้างประมาณ 800


• ตุรกีฝั่งเอเชียที่มักเรียกว่าอานาโตเลียหรือเอเชียไมเนอร์ประกอบ ด้วยที่ราบสูงในตอนกลางของประเทศ อยู่ระหว่างเทือกเขาทะเลดำตะวันออกและเกอรอลูทางตอนเหนือกับเทือกเขาเทารัส ทางตอนใต้ และมีที่ราบแคบ ๆ บริเวณชายฝั่ง ทางตะวันออกของตุรกีมีลักษณะเป็นภูเขาและเป็นต้นน้ำของแม่น้ำหลายสายเช่น แม่น้ำยูเฟรติส แม่น้ำไทกริส และแม่น้ำอารัส นอกจากนี้ยังมีทะเลสาบวัน และยอดเขาอารารัด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของตุรกีที่ 5,165 เมตร


• ตุรกีมีเนื้อที่ทั้งประเทศประมาณ 780,695 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ใน 2 ทวีส่วนที่เหลือในเอเป คือ เอเชีย และยุโรบ ส่วนที่เหลืออยู่ในเอเชีย 97% เรียกว่า อนาโตเลีย (Anatolia) ภาษาตุรกี เรียกว่า อนาโดหลุ (Anadolu) และ อีก 3% อยู่ในยุโยปเรียกว่า เทรซ (Thrace) พรหมแดนด้านยุโรปติดกับกรีซและบัลแกเรียด้านเอเชียร์ติดกับจอร์เจีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจัน อิหร่าน อิรัก และซีเรีย มีทะเลล้อมล้อม 3 ด้าน ทะเลดำทางทิศเหนือ เมดิเตอร์เรเนียน ทางทิศใต้ และทะเลอีเจียนทางทิศตะวันตก


• สภาพภูมิประเทศที่หลากหลายนั้นเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลกที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายพันปี และยังคงปรากฏให้เห็นในปัจจุบันในรูปของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ และภูเขาไฟระเบิดใน บางครั้ง ช่องแคบบอสฟอรัสและช่องแคบดาร์ดาเนลเลสก็เกิดจากแนวแยกของเปลือกโลกที่วาง ตัวผ่านตุรกีทำให้เกิดทะเลดำขึ้น ทางตอนเหนือของประเทศมีแนวแยกแผ่นดินไหววางตัวในแนวตะวันตกไปยังตะวันออก ซึ่งเป็นสาเหตุของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปีพ.ศ. 2542

 ตุรกี ดินแดนสองทวีป
• ตุรกี (Turkey) ดินแดนสองบุคลิกเพียงหนึ่งเดียวในโลก ที่มีอาณาเขตพาดผ่านแผ่นดินทั้งยุโรปและเอเชียผนึกแน่นเป็นเนื้อเดียว แผ่นดินที่ราบสูงอนาโตเลียมิเพียงขรึมขลังด้วย รากประวัติศาสตร์อารยธรรมที่เก่าแก่และความหลากหลายของชนหลายกลุ่มนับแต่ ครั้ง 2,500 ปีก่อนคริสตกาล


• ตุรกีเป็นนครที่อุดมไปด้วยเรื่องราวแห่งตำนานและประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นสงครามเมืองทรอย และม้าไม้อันลือลั่น อิสตันบูล อดีตเมืองหล่วงแห่ง 3 อาณาจักร ศึกษาร่องรอยอารยธรรมของดินแดนในตอนกลางอนาโตเลีย มรดกโลกทั้งทางด้านธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมในบริเวณที่เรียกว่า คัมปาโดเจีย ชื่นชมทัศนียภาพอันน่าอัศจรรย์แห่งหุบเขาเกอเรเม ปามุกคาเล หรือ ปราสาทปุยฝ้ายที่ธรรมชาติรังสรรค์ เมืองเอเฟซุส นครโบราณที่พรั่งพร้อมไปด้วยร่องรอยอารยธรรมแห่งกรีก-โรมัน


• การท่องเที่ยวในตุรกีมีหลายประเภท ไมว่าจะเป็นการปีนเขา ชมธรรมชาติ เที่ยวทะเล ดำน้ำ ตกปลา ล่องแก่ง และชมโบราณสถานเชิงศิลปะและประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งสินค้าประเภทหัตถกรรมที่โด่งดังอีกด้วย

สภาพภูมิอากาศของตุรกี
• ด้านที่ติดกับชายฝั่งด้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน กล่าวคือหน้าร้อนอากาศร้อนและแห้งแล้ง ส่วนหน้าหนาวอากาศอบอุ่นและมีฝนตก เทือกเขาที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งเป็นตัวกั้นทำให้ภูมิอากาศตอนกลางของประเทศ เป็นแบบภาคพื้นทวีป ซึ่งมีความแตกต่างระหว่างฤดูอย่างเห็นได้ชัด ฤดูหนาวบริเวณที่ราบสูงตอนกลางหนาวมาก อุณหภูมิลดลงถึง -30 ถึง -40? อาจมีหิมะปกคลุมนานถึง 4 เดือนต่อปี


• ฝั่งตะวันตกของตุรกีมีอุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูหนาวต่ำกว่า 1 ? ฤดูร้อนร้อนและแห้งแล้ง ในตอนกลางวันมีอุณหภูมิสูงกว่า 30? ปริมาณหยาดน้ำฟ้าเฉลี่ย ต่อปีประมาณ 400 มิลลิเมตร ซึ่งปริมาณจริงแตกต่างกันไปตามระดับความสูง บริเวณที่แห้งแล้งที่สุดคือที่ราบกอนยาและที่ราบมาลาตยาซึ่งมีปริมาณน้ำฝนเฉ ลี่ยนต่อปีต่ำกว่า 300 มิลลิเมตร เดือนที่มีฝนมากที่สุดคือเดือนพฤษภาคม และเดือนที่แล้งที่สุดคือเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม


• ตุรกีมีจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 69,660,559 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวเติร์ก (85%) และเคิร์ด (15%) นอกจากนั้นเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายลาซ เฮมซิน อาหรับ ยิว กรีก และอาเมย์เนียน ประชากรกว่าครึ่ง (59%) อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่โดยเรียงตามลำดับ ดังนี้ อิสตันบลู (Istanbul) อังการา (Ankara) อิสมีร์ (Izmir) อาดานา (Adana) คอนยา (Konya) บูร์ซา (Bursa) และอันตาเลีย (Antalya) ประชากร 99% นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือนับถือคริสและยิว


• หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวตุรกีจำนวนมากอพยพไปยังยุโรปตะวันตก (โดยเฉพาะเยอรมนีตะวันตก) เนื่องจากความต้องการแรงงานในยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดชุมชนชาวตุรกีนอกประเทศขึ้น แต่ในระยะหลังตุรกีกลับกลายเป็นจุดหมายของผู้อพยพจากประเทศข้างเคียง ซึ่งมีทั้งผู้อพยพที่ปักหลักอยู่ในประเทศตุรกี และผู้ที่ใช้ตุรกีเป็นทางผ่านต่อไปยังประเทศกลุ่มยุโรป


• ศาสนาในตุรกี ร้อยละ 99 นับถือศาสนาอิสลาม ที่เหลือเป็นคริสต์นิกายกรีกออร์ทอดอกซ์ คริสต์นิกายจอร์เจียนออร์ทอดอกซ์ คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ และยิว
• การศึกษา ตุรกีกำหนดให้เด็กทุกคนต้องเข้าโรงเรียนเมื่ออายุได้ 7 ปี และศึกษาอยู่ในโรงเรียนภาคบังคับเป็น 8 ปี จึงมีการสอบระดับประเทศเด็กจบการศึกษาสามารถเลือกเรียนต่อมัธยมในโรงเรียนของรัฐหรือเอกชน ซึ่งแบ่งการเรียนการสอนเป็นแบบภาษาตุรกีจะใช้เวลา 3 ปี และแบบอังกฤษใช้อังกฤษใช้เวลา 4 ปี จากนั้นจึงเป็นการสอบแข่งขันระดับประเทศอีกครั้งเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัย ตุรกีมีโรงเรียนประถมประมาณ 45,870 แห่ง โรงเรียนฝึกหัดอาชีพ 1,900 แห่ง และมหาวิทยาลัย


• ภาษา ภาษาราชการคือ ภาษาตุรกี (Turkish) ภาษาอื่นที่ใช้ในประเทศได้แก่ เคิร์ด (Kurdish) และอารบิก ( Arabic)
• การแบ่งเขตการปกครอง ตุรกีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 81 จังหวัด ได้แก่
• การแบ่งเขตการปกครองของตุรกี ตุรกีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 81 จังหวัด
• การเมืองการปกครอง ตุรกีมีระบบการเมือง เป็นแบบสาธารณรัฐ ที่แยกศาสนาออกจากการเมือง มีการปกครองแบบรัฐสภา โดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ และนายยกรัฐมนตรีเป็นผู้นำรัฐบาล ประธานาธิบดีเป็นประมุขมาจากการเลือกตั้งของสภาแห่งชาติ ดำรงวาระตำแหน่งวาระละ 7 ปี มีนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของประธานาธิบดี
สถาบันทางการเมือง สภาแห่งชาติเป็นสภาเดียว มีสมาชิกจำนวน 550 คน การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติกระทำทุก 5 ปี


• ธงชาติ ธงชาติตุรกีเป็นสีแดง มีรูปจันทร์เสี้ยวและดาวสีขาวอยู่กึ่งกลางมีเรื่องเล่าว่าคืนแรกที่สุลต่านองค์แรกของออตโตมันเข้ามายังดินแดน อนาโตเลีย พื้นดินนองไปด้วยเลืออดแดงฉาน และมีเงาสะท้อนของจันทร์เสี้ยวกับดาวบนกองเลือด จันทร์เสี้ยวและดาวจึงเป็นสัญญาลักษณ์นับแต่บัดนั้นจนปรากฏอยู่บนธงชาติตุรกีในปัจจุบัน ส่วนเพลงชาติของตุรกีคือ อิสทิคลัลมาร์ชึ (Istiklal Marsi)
• เศรษฐกิจ ตุรกีเป็นประเทศเกษตรกรรม สามารถผลิตอาหารได้เพียงพอต่อการเลี้ยงคนในประเทศ ผลผลิตที่สำคัญของประเทศคือ มะกอก ฝ้าย ใบชา ยาสูบ ผลไม้ ผัก ปลา ปศุสัตว์ และยังมีการทำเหมืองแร่ ตลอดจนอุตสาหกรรมหนักบางประเภทซึ่งจะไม่กล่าวถึงในที่นี้ ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญคือ ฝ้าย ขนสัตว์ ยาสูบ ลูกเกด แร่โครเมียม แมงกานีส และอะไหล่ยนต์ เป็นต้น

• สังคมและวัฒนธรรมตุรกี
• ต้นกำเนิดเชื้อสายตุรกี ในทางมานุษยวิทยาชาวตุรกีส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชนเชื้อสายTurkic หรือ Turk ซึ่งอพยพเข้ามายังอนาโตเลียจากเอเชียกลางในทศวรรษที่ 11 เติร์กเป็นชนชาติเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนหลังไปได้กว่า 4,000 ปี ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของชนเชื้อสายเติร์ก อยู่ในแถบเทือกเขาอัลไต (Altai Mountain) ในเอเชียกลาง(บริเวณตอนเหนือของประเทศมองโกเลียในปัจจุบัน) ด้วยเหตุนี้ ชนเชื้อสายเติร์กจึงถูกเรียกว่า “Altaic peoples” บันทึกหลักฐานเกี่ยวกับชนเชื้อสายเติร์กได้ปรากฎในบันทึกของจีน ในศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ซึ่งกล่าวถึงชนเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในแถบเทือกเขาอัลไต ซึ่งจีนเรียกชนตเร่ร่อนกลุ่มนี้ว่า “Hsiung-nu” หรือ “Hun” (ตามการอ้างอิงของตะวันตก)


• การขุดค้นทางโบราณคดีในประเทศมองโกเลียเมื่อไม่นานมานี้ปรากฏหลักฐานยืน ยันชัดเจนว่า ชาวเติร์กมีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบมองโกเลียในปัจจุบัน ซึ่งเคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของชนเชื้อสายเติร์ก เรื่อยมาจนกระทั่งในราวศตวรรษที่ 6 ชนเชื้อสายเติร์กได้เริ่มอพยพออกจากบริเวณเทือกเขาอัลไตและได้แยกย้ายกันไป ตั้งถิ่นฐานในดินแดนต่างๆ ครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างถึงประมาณ 18 ล้านตารางกิโลเมตร สาเหตุของการเคลื่อนย้ายอพยพดังกล่าวเชื่อกันว่า มีสาเหตุมาจากปัจจัยหลายประการเช่น การเพิ่มของจำนวนประชากร เช่น การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรทำให้ต้องมีการแสวงหาพื้นที่ทำกินเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศในเอเชียกลางและปัญหา กระทบกระทั่งกับเพื่อนบ้านที่เข้มแข็งกว่า


• ชาวเติร์กแต่เดิมเป็นชนเร่ร่อนจึงมีการแบ่งแยกออกเป็นหลายเผ่า ตามที่ปรากฏในตราประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของตุรกีซึ่งเป็นรูปดาวขนาดเล็ก 16 ดวง ล้อมรอบดวงดาวขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ตรงกลางดาวทั้าง 16 ดวง นี้เป็นสัญลักษณ์แทนอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของชนเชื้อสายชาวเติร์ก 16 อาณาจักร เริ่มตั้งแต่อาณาจักร Hun ซึ่งก่อตั้งในศตวรรษที่ 13 หากพิจารณาตามชาติพันธุ์วิทยาแล้ว ชาวตุรกีควรจะมีหน้าตาคล้ายคลึงกับชาวเติร์กในประเทศเอเชียกลางได้แก่ ประเทศคาซัคสถาน อุซเบกิซสถาน เติร์กเมนิสถาน และครีกีซสถาน ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับคนมองโกเลีย


• อย่างไรก็ดี ชาวตุรกีในปัจุบันมีรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยจะเหมือนชาวเติร์กในเอเชียกลาง เท่าใดนัก ทั้งนี้ อาจเพราะมีการแต่งงานข้ามชาติพันธุ์ ในช่วงที่บรรพบุรุษของชาวตุรกีในปัจจุบัน อพยพมาจากเอเชียกลางมาทางทิศตะวันตกจนกระทั่งมาตั้งหลักปักฐานลงในอนาโตเลีย ศตวรรษที่ 11 ไม่มีหลักฐานแน่ชัดพอที่จะระบุไว้ ชนเก่าแก่ที่เคยอาศัยอยู่ในอนาโตเลียก่อนที่เติร์กจะเข้ามา เช่น ฮิตไตต์ ฟรีเกีย ลิเดีย ลิเซีย อูราทู และชนกลุ่มอื่นๆ มีจำนวนหลงเหลืออยู่สักเท่าใด อาณาจักรของชนเหล่านี้แจะล่มสลายไป แต่ผู้คนในอาณาจักรเหล่านี้ไม่จำเป็นว่าจะต้องสูญสลายหายตามไปด้วย


• ภายหลังตุรกีได้ลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในอนาโตเลียแล้ว ก็เริ่มแผ่ขยายอำนาจไปยังดินแดนต่างๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรไบแซนไทน์ จักรพรรดิ์ไบเซนไทน์ในยุคหลังๆ พยายามที่จะผูกไมตรีกับเติร์ก เพื่อความอยู่รอดของตนเอง ในปี ค.ศ. 1345 สุลต่านออร์ฮัน (Orhan) พระราชโอรสของสุลต่านออสมัน ผู้สถาปนาอาณาจักรและราชวงศ์ออตโตมัน ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงธิโอโดรา พระราชธิดาของจักรวรรดิ John Cantacuzenus แห่งไบเซนไทน์ สุลต่านออร์ฮัน ทรงเป็นพระราชวงศ์ออตโตมันพระองค์แรกที่ได้พระชายาเป็นชนชั้นสูงของไบเซนไท น์ ภายหลังที่อาณาจักรออตโตมันได้แผ่ขยายอำนาจไปยังดินแดนต่างในยุโรปบอลข่าน และยุโรปตะวันออก การแต่งงานระหว่างชาวออตโตมันเติร์กกับชาวยุโรปกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ตั้งแต่ระดับชนชั้นสูง


• นอกจากแต่งงานข้ามสายพันธุ์แล้ว พลเมืองในยุโรปที่ตกเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิออตโตมัน เช่น ยุโรปบอลข่าน จำนวนไม่น้อยได้หันมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งออตโตมันเรียกเก็บจากคนที่มิใช่มุสลิม ในอัตราที่สูงกว่าที่เก็บจากคนที่เป็นมุสลิมถึงร้อยละ 50 ชาวยุโรปเหล่านี้จำนวนไม่น้อยตัดสินใจหันมานับถือศาสนาอิสลาม เพื่อที่จะไม่ต้องเสียภาษีดังกล่าวและมีโอกาสทำงานราชการกับออตโตมัน ชาวยุโรปเหล่านี้จึงได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมมุสลิมออตโตมัน

• เติร์กกับศาสนาอิสลาม
• ประมาณร้อยละ ๙๙ ของประชากรในประเทศตุรกีนับถือศาสนาอิสลาม ชาวเติร์กซึ่งแต่เดิมอาศัยอยู่ในเอเชียกลางเริ่มมีการติดต่อสัมพันธ์กับคนที่นับถือศาสนาอิสลามครั้งแรกในราวศตวรรษที่ 8 โดยผ่านทางกองคาราวานสินค้าของชาวอาหรับ ในราวศตวรรษที่ 10 ชาวเติร์กส่วนใหญ่ได้เข้ามานับถือศาสนาอิสลามอาณาจักรของชาวเติร์ก ซึ่งก่อตั้งราวศตวรรษที่ 9 เป็นอาณาจักรของชาวเติร์กมุสลิมแห่งแรกในเอเชียกลาง นอกจากนี้อาณาจักรของชาวเติร์กเผ่า “Ghazna” ซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่ในยุคเดียวกัน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอัฟกานิสถานในปัจจุบัน ก็เข้ามานับถือศาสนาอิสลามด้วย ผู้นำของอาณาจักรแห่งนี้ชื่อ มาห์มุด (Mahmud) เป็นผู้นำชาวเติร์กคนแรกที่ได้รับการเรียกขานตำแหน่งสุลต่านซึ่งเป็นคำใน ภาษาอาหรับแปลว่า “sovereign authority”


• ในช่วงที่เซลจุกเตอร์กขยายอำนานเข้ามาในอนาโตเลียในศตวรรษที่ 11 ชาวเติร์กส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็ไม่ทั้งหมด ชาวเติร์กเผ่า Hazar ซึ่งได้สถาปนาอาณาจักรของตนเองในศตวรรษที่ 7 และเป็น 1 ใน 16อาณาจักรของชาวเติร์ก ตามที่ปรากฏในตราประจำตำแหน่งประธานาธิบดีตุรกี นับถือศาสนา Judaism หรือ ยิว ในศตวรรษที่ 12 อาณาจักรของชาวเติร์ก ได้ถูกทำลายเรื่องราวเกี่ยวชาวเตร์กยิวเผ่านี้ได้ถูกลบเลือนหายไป จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ มีชาวฝรั่งเศสเชื้อสาย ยิว ชื่อนาย Marek Halter ได้เดินทางไปพบเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อ “Krasnaya Sloboda” ตั้งอยู่ในเทือกเขาระหว่างประเทศอาเซอร์ไบจานและรัฐดากิสถาน ในรัสเซีย เมืองแห่งนี้มีประชากรประมาณ 6,000 คน


• ก่อนการก่อตั้งสาธารณรัฐตุรกี ชาวกรกีออโธด็อก เป็นกลุ่มชนที่สำคัญในอนาโตเลีย วัฒนธรรมกรีกในอนาโตเลียมีประวัติย้อนหลังไปถึงสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ มหาราช ยกกองทัพเข้ามายังอนาโตเลียในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลในสมัยไบเซนไทน์ภาษาและวัฒนธรรมของกรีกได้รับการยอมรับ อย่างกว้างขวางในอนาโตเลีย ชาวกรีกออโธด็อกในอนาโตเลียจึงมีอยู่จำนวนไม่น้อย ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาโลซานน์ในปีค.ศ. 1923 ซึ่งนำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐตุรกีและรัฐบาลของกรีซและตุรกีก็ได้ตกลงแลก เปลี่ยนประชากรกัน โดยชาวเติร์กในกรีซกว่า 5 แสนคน และชาวกรีกในตุรกีกว่า 1.3 ล้านคน


• การแลกเปลี่ยนประชากรดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งทางเชื้อ ชาติและศาสนาที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 กรีซได้ส่งกองทัพเข้ามายึดดินแดนในแถบทะเลอีเจียนของตุรกี การยึดครองดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่ชาวเติร์กผู้รักชาติ และได้นำไปสู่การต้อสู้ระหว่างกองกำลังภายใต้การนำของอตาเติร์ก และกองทหารกรีซ ในสงครามเพื่ออิสรภาพระหว่างปี ค.ศ. 1919-1923 ผลของการโยกย้ายประชากรดังกล่าว ภายหลังสงครามยุติลง ทำให้ประชากรส่วนใหญ่ของตุรกีประมาณร้อยละ 99 เป็นชาวมุสลิม


• เวลา : ช่วงฤดูร้อน ช่วงเดือนเมษายน – เดือนกันยายน ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง , ช่วงฤดูหนาว ช่วงเดือน ตุลาคม-เดือนมีนาคม ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง
• สกุลเงินและอัตราแลกเปลี่ยน ลีร่าใหม่ตุรกี (New Turkish Lira- YTL) อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลล่าร์สหรัฐ = 1.4 ลีร่าใหม่ตุรกี หรือเงินไทย 1 ลีร่าใหม่ตุรกี = 25.25 บาท
• ไฟฟ้า ตุรกีใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ปลั๊กเป็นแบบเขี้ยวกลม 2 เขี้ยว
• รหัสโทรศัพท์ รหัสโทรศัพท์ของตุรกีคือ 90 รหัสโทรศัพท์ระหว่างประเทศ คือ 00 เช่น ถ้าต้องการโทรศัพท์กลับมาที่กรุงเทพฯ จากตุรกี ให้กดหมายเลข 00 ตามด้วย รหัสประเทศไทย 66 รหัสจังหวัดกรุงเทพฯ 2 ตามด้วยหมายเลขปลายทาง ที่ต้องการ 7 หลัก (เช่น 00-66-2-969-3664)


• ไปรษณีย์ ตุรกีเปิดทำการวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-17.00 น.หากเป็นที่ทำการไปรษณีย์หลัก จะเปิดทำการตั้งแต่ 08.30-21.00 น. มีขายแสตมป์และบริการโทรศัพท์ทางไกล จุดสังเกตคือสัญลักษณ์ PIT (Post, Telegraph and Telephon) ที่ด้านหน้า
• พิพิธภัณฑ์ โดยทั่วไปเปิดทำการวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.30 -17.00 น. ยกเว้นวันจันทร์และวันหยุดทางศาสนา เช่นเดียวกับพระราชวังที่เปิดให้ชมได้ในเวลาเดียวกัน แต่พระราชวังจะปิดในวันพฤหัสบดี
• ร้านค้า ส่วนใหญ่เปิดเวลาทำการวันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 09.30 น.-13-00 น. และ 14.00 – 17.00 น. ยกเว้นวันอาทิตย์ ห้างสรรพสินค้า เปิดเวลา 10.00-22.00 น.
• ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวตุรกี : ประเทศตุรกีมี 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน –เดือนพฤษภาคม) ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน-เดือนกันยายน) ฤดูใบไม้ร่วง (เดือน ตุลาคม- เดือนพฤศจิกายน) และฤดูหนาว (เดือน ธันวาคม – เดือนมีนาคม)
• สำหรับช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดในตุรกีคือ ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน (เดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน) และช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง (ช่วงเดือนตุลาคม) เนื่องจากเป็นช่วงที่มีอากาศเย็นสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป

การเดินทางไปประเทศตุรกี
1.ทางอากาศ
• การเดินทางจากประเทศไทยไปตุรกี มีสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่อิสตันบูล ทุกวัน วันละ 1 เที่ยว ใช้เวลาเดินทาง 9 ชั่วโมง ซึ่งตุรกีมีเวลาช้ากว่าเมืองไทย 4 ชั่วโมง
สำนักงานสายการบินตุรกีประจำประเทศ : ตึกซีพีทาวเวอร์ (CP Tower) ชั้น 3 เลขที่ 313 ถนนสีลม กรุงเทพฯ 10500
โทรศัพท์ 02-231-0300-7 โทรสาร 02-231-0311 เว็บไซต์ www.turkishairlines.com
• ส่วนสายการบินอื่น อาจต้องแวะที่อื่นก่อน สนามบินนานาชาติตุรกี ตั้งอยู่ที่เมืองอิสตันบูล คือ ท่าอากาศยานอตาเติร์ก (Ataturk Airport)
2.ทางเรือ
• บริษัทเดินเรือตุรกี (Turkish Maritime Lines, TML) บริการเรือโดยสารจากเวนิชในอิตาลีสู่บางส่วนของตุรกี จากเมือง Magosa และ Gime ในไซปรัสเข้าตุรกี และจากกรีซ (Lesbon, Chios, Samos, Cos, Rhodes) เว็บไซต์ www.tdi.com.tr
3.ทางรถไฟ
Istanbul Express บริการรถไฟเชื่อมตรงจากเมืองต่างๆ ในยุโรป เช่น โซเฟีย (Sofia) เบลเกรด (Belgrade) บูดาเปสต์ (Budapest) เวียนนา (Vieanna) มอสโคว์ (Moscow) เทสสะโลนิกิ (Thessaloniki) เตหะราน (Teharan) มิวนิค (Munich) ขึ้นจากสถานีรถไฟซีร์เคยี (Sirkeci) ในอิสตันบูลฝั่งยุโรป
• การเดินทางในประเทศตุรกี
• คนตุรกีนิยมเดินทางโดยรถประจำทางปรับอากาศหรือทางเรือ บริษัทเดินรถระหว่างเมืองมีเส้นทางครอบคลุมกว้างขวาง สะดวกสบาย ราคาขึ้นอยู่กับระยะทางและเส้นทางที่ได้รับความนิยม แม้ว่าส่วนใหญ่สถานีเดินรถเหล่านี้จะตั้งอยู่ชานเมือง แต่มีบริการรถรับ-ส่ง ผู้โดยสารถึงในเมือง
• บริษัทที่มีชื่อเสียงและมาตรฐานสูง ได้แก่ บริษัทวารัน (Varan Fmi โทร. 212-551-5000 เว็บไซต์ www.varan.com.tr) บริษัท อูรูซอย (Ulusoy โทร. 212-444-1888 เว็บไซต์ www.ulusoy.com.tr) ปามุกคาเล (Pamukkale โทร. 212-444-3535 เว็บไซต์ www.pamukkaleturizum.com.tr) และคามิลโคช (Kamilkoc โทร. 212-444-0562 เว็บไซต์ www.kamilkoc.com.tr) ซึ่งถ้าซื้อตั๋วไปกลับพร้อมกันจะได้ส่วนลด 10%
• การเดินทางโดยรถไฟของการรถไฟตุรกี (Turkish State Railways, Turkiye Cumhuriyeti Devlet Demiryollari, TCDD, DDY) ไม่เป็นที่นิยมนัก เนื่องจากมีเส้นทางจำกัดและไม่สะดวกสบายเท่ารถทัวร์หรือเครื่องบิน ต้นทางอยู่ที่สถานีรถไฟไฮดาร์พาซา (Haydarpasa) ในอิสตันบูลฝั่งเอเชีย ไปยังอนาโตเลียตอนกลาง ได้แก่ เมืองอังการา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมงครึ่ง และรถตู้นอนใช้เวลาประมาณ 11 ชั่วโมง มีบริการทุกวัน) เมืองอาดานา (ใช้เวลา 22 ชั่วโมง มีรถทุกวันพฤหัสบดีและอาทิตย์) เมืองปามุกคาเล คารส์ เดนิชลิ คารามาน คอนยา และอิสมีร์ ในอนาคตการรถไฟตุรกีก็จะมีโครงการสร้างรถไฟสายด่วนพิเศษ (High-Speed Rail Project) ที่กำลังปรับปรุงอยู่ คือเส้นทางอิสตันบูล-อังการา ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 10 นาที และเส้นทางอังการา-คอนยา ใช้เวลาเดินทาง 70 นาที และเส้นทางอื่นในอนาคต เช่น สาย Ankara-Usak-Izmir (รวมกับสาย Istanbul-Ankara ที่สถานี Polatli) สาย Ankara-Yozgat-Sivas และ Istanbul-Bursa หรือ Ankara-Bursa (รวมกับสาย Istanbul-Ankara ที่สถานี Osmaneli) เว็บไซต์ www.tcdd.com.tr
• สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัดและมีทุนทรัพย์เพียงพอ สามารถเดินทางโดยเครื่องบินภายในประเทศเข้าสู่เมืองต่างๆ เช่น อังการา อิสมีร์ อาดานา ดาลามาน แอร์ชูรุม กาเชียนเทป คาร์ส วัน บอดรุม ชานักคาเล และทรับโซน สายการบินภายในประเทสส่วนใหญ่ให้บริการโดยสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ (www.turkishairlines.com)
• การขับรถเที่ยวในตุรกีค่อนข้างสะดวก เนื่องจากมีป้ายบอกทางเขียนเป็นตัวหนังสือแบบอังกฤษ (แต่เป็นภาษาตุรกี) การออกนอกเมืองใหญ่ต้องพึ่งรถเช่าหรือรถแท็กซี่ เพราะขนส่งมวลชนไม่ค่อยสะดวก นักท่องเที่ยวสามารถหารถเช่าจากบริษัทเช่ารถที่มีอย่างแพร่หลายตามเมืองท่องเที่ยว เช่น อิสตันบูล อังการา อิสมีร์ ราคาค่าเช่าค่อนข้างแพง และควรวางแผนเรือ่งที่จอดรถเผือ่ไว้ด้วย

"สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ"

นครโบราณเอฟิซุส (City of Ephesus) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีที่สุดเมืองหนึ่งเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนา “เอฟิซุส” ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน ถนนสร้างด้วยหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว

City of Ephesus

กรุงทรอยหรือโทรจันในตำนานของกวีตาบอดเจ้าของมหากาพย์อีเลียดและโอดิสงกรุงทรอยกองทัพกรีก ต้องลงเรือมุ่งสู่กรุงทรอยเพื่อแย่งชิงเธอกลับมา ที่นี่จึงเป็นเมืองม้าไม้แห่งกรุงทรอยอันโด่งดัง อาวุธอันชาญฉลาดเหตุให้กรุงทรอยแตก

troy

คัปปาโดเกีย (Cappadocia) เมืองที่ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นเมืองมรดกโลก ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขา ร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่างๆ ที่งดงาม

Cappadogia

นครใต้ดิน (Underground City Of Derinkuyu Or Kaymakli) ซึ่งเป็นที่หลบซ่อนจากการรุกรานของข้าศึกพร้อมทั้งยังมีระบบระบายอากาศและสภาพวิถี ชีวิตความเป็นอยู่ใต้ดินพร้อมสรรพ

สุเหร่าสีน้ำเงิน (BLUE MOSQUE) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางศาสนา ที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งในประเทศตุรกี  ชื่อของสีเหร่านี้ได้มาจากกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินที่ใช้ปูตลอดแนวฝาผนังด้านใน  และถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่  ซึ่งเคยเป็นวังของจักรพรรดิไบเซนไทน์ โดยสุลต่านอาหเม็ตที่ 1  ค.ศ. 1609  ใช้เวลาสร้างทั้งหมด  7 ปี ชม

istanbul blue mosque

สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Saint Sophia) หรือ โบสถ์ฮาเจีย โซเฟีย สุเหร่าเซนต์โซเฟียเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ พระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนตินเป็นผู้สร้างเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่13 ใช้เวลาสร้าง 17 ปี เพื่อเป็นโบสถ์ของศาสนาคริสต์ แต่ถูกผู้ก่อการร้ายบุกทำลายเผาเสียวอดวายหลายครั้งเพราะเกิดการขัดแย้งระหว่างพวกที่นับถือศาสนาคริสต์กับศาสนาอิสลาม จวบจนถึงรัชมสมัยของพระเจ้าจัสตินเนียน มีอำนาจเหนือตุรกี จึงได้สร้างโบสถ์เซนต์โซเฟียขึ้นใหม่ ใช้เวลาสร้างฐานโบสถ์ 20 ปี ตัวโบสถ์ 5 ปี เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1996 (ค.ศ 1435) พระองค์ต้องการให้เป็นสิ่งสวยงามที่สุดได้พยายามหา สิ่งของมีค่าต่างๆ มาประดับไว้มากมาย สร้างเสร็จได้มีการเฉลิมฉลองกันอย่าง มโหฬาร ต่อมาเกิดแผ่นดินไหวอย่างใหญ่ทำให้แตกร้าวต้องให้ช่างซ่อมจนเรียบร้อยในสภาพเดิมเมื่อสิ้นสมัยของจักรพรรดิจัสตินเนียน ถึงสมัยพระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 2 มีอำนาจเหนือตุรกี และเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลามจึงได้ดัดแปลงโบสถ์หลังนี้ให้เป็น สุเหร่าของชาวอิสลาม 52

 พระราชวังทอปกาปึ (Topkapi Palace) ซึ่งในอดีตเคยเป็นที่ประทับของสุลต่านแห่งราชวงศ์ออตโตมัน   ปัจจุบันพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า  อาทิ  เพชร 96 กะรัต,  กริชทองประดับมรกต,  เครื่องลายครามจากจีน, หยก, มรกต, ทับทิม และ เครื่องทรงของสุลต่าน ฯลฯ

 Topkapi

ชานัคคาเล่ในอดีตเป็นที่ตั้งของสมรภูมิรบกัลป์ลิโปลี  สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการรุกคืบหน้า เข้าไปยังช่องแคบคาร์ดาแนลส์  เพื่อบีบให้ตุรกีถอนตัวออกจากสงครามโลก

เมืองเพอร์กามัม (Pergamum) ตั้งอยู่ในบริเวณอะนาโตเลียห่างจากทะเลอีเจียนประมาณ 30 กม.ทางด้านเหนือของแม่น้ำไคซูส ซึ่งเป็นเมืองโบราณของกรีกที่มีความสำคัญของพวก เฮเลนนิสติก ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ คือ วิหารอะโครโปลิส ซึ่งเป็นที่ขนานนามถึงประหนึ่งดังดินในสรวงสวรรค์ และต่อจากนั้นไปข้างในจะเป็นบริเวณวิหารเทพเจ้าซุส หรือ เซอุส ปัจจุบันนี้เหลือแต่ส่วนฐานเท่านั้น แท่นบูชาถูกนำไปเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์เพอร์กามัมที่กรุงเบอร์ลิน

Acropolis

House of  Virgin Mary บ้านของพระแม่มารี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยอยู่ และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ ชม วิหารเทพีอาร์เทมิสโบราณ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ที่ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังสามารถมองเห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้ ชมคอมเพล็กซ์ ที่ประกอบด้วย ยิมเนเซียมเวดิอุส ที่พ่อค้าและคหบดีสร้างขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 2 มีรูปแบบตามความนิยมของโรมันในสมัยนั้นคือ รวมยิมเนเซียมไว้กับโรงอาบน้ำที่พรั่งพร้อมไปด้วยน้ำร้อน น้ำเย็น และน้ำอุ่น ภายในประดับด้วยโมเสกและรูปปั้นต่าง ๆ สนามกีฬานี้สร้างขึ้นในยุคเฮเลนิสติคเป็นรูปเกือกม้า เป็นจุดศูนย์รวมของชาวเอฟิซุสมาแต่ต้น ใช้จัดแข่งกีฬาหลายประเภท ทั้งมวยและมวย ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้

ปามุคคาเล่ (PAMUKKALE) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่งเคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Ionian) จากกรีก ซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมือง ซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและกษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราชภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนา “เอฟฟิซุส” ขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน นำท่านเดินบนถนนหินอ่อนผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถจุผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบันนี้ มีห้องอาบน้ำแบบโรมันโบราณ (ROMAN BATH) ที่ยังคงเหลือร่องรอยของห้องอบไอน้ำให้เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้, ห้องสมุดโบราณที่มีวิธีการเก็บรักษาหนังสือไว้ได้เป็นอย่างดีทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นศิลปะแบบ เฮเลนนิสติคที่มีความอ่อนหวานและฝีมือปราณีต

 PAMUKKALE

พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana Museum) ณเมือง คอนย่า ซึ่งเล่ากันว่าก่อตั้งขึ้นในราวปี ค.ศ. 1231 โดย เมฟลาน่า เจลาเลดดิน รูมี่ ผู้วิเศษในศาสนาอิสลามซึ่งกำเนิดในอัฟกานิสถาน เดินทางมายังเมืองคอนย่าตามคำเชิญของสุลต่านเซลจูค เพื่อเขียนบทกวีลึกลับเป็นภาษาเปอร์เซีย และได้เสียชีวิตลงในปี 1273

Mevlana Museum

บอลลูน เมืองคัปปาโดเจีย ขึ้นบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเจีย เป็นโปรแกรมทัวร์ตุรกีที่ไม่ควรพลาด จะต้องออกจากโรงแรมประมาณ 05.30 น.ชมความงดงามของเมืองคัปปาโดเจียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาอยู่บอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าขึ้นบอลลูน 210 US$ สำหรับจ่ายด้วยเงินสด 220 US$ สำหรับจ่ายด้วยบัตรเครดิตคาร์ด

2012-05-19 132106

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เมืองเกอเรเม่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง ณเมืองเกอเรเม่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9  ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์  และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์

ช่องแคบบอสฟอรัสซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black Sea) เข้ากับทะเลมาร์มาร่า (Sea Of Marmara) ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 32 ก.ม. ความกว้าง ตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 ก.ม. ถือว่าสุดขอบของทวีปยุโรป และสุดขอบของทวีปเอเชียมาพบกันที่นี่  นอกจากความสวยงามแล้วช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย  เพราะ มีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้  ว่ากันว่าจะกระทั่งถึงยุคของการนำเอาเรือปืนใหญ่มาใช้ และไม่เคยปรากฏว่า กรุงอิสตันบูลถูกถล่มจนเสียหายอย่างหนักมาก่อนเลย ทั้งที่เป็นเพราะป้อมปืนดังกล่าวนี่เอง   ในปีค.ศ.1973 มีการเปิดใช้สะพานบอสฟอรัส  ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างฝั่งเอเชียและยุโรปสะดวกมากขึ้น  ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ สองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมาบาเช่ หรือบ้านเรือนสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐี ซึ่งล้วนแต่สวยงามตระการตาทั้งสิ้น

ตลาดสไปซ์ มาร์เกต (SPICE MARKET) ตลาดสไปซ์ มาร์เกตหรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยาว์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันขึ้นชื่อของตุรกีอย่าง แอปปลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย ปล่อยอิสระ

ดวงตาปีศาจ Evil Eye ดวงตาปีศาจ เป็นความเชื่อของชาวตุรกีว่าจะต้องมีสิ่งนี้ติดตัว ติดบ้านเรือนเพื่อปกป้องจาก

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ชีวิตเกย์(เที่ยว)ใน “อิสตันบูล” ตุรกี 18+| Gay Life in Istanbul Turkey

เที่ยวแบบคลูๆที่อิสตันบูล

ลุย อิสตันบูล ตุรกี หลังปฏิวัติ 1: เกริ่นนำ การเดินทาง ทั่วไป